เต่าบก มีหลายสายพันธุ์ ถ้าอยากเลี้ยงต้องเตรียมอะไรบ้าง

เต่าบก สำหรับมือใหม่ที่คิดจะเลี้ยงควรศึกษาข้อมูลก่อน ทั้งเรื่องของถิ่นกำเนิดว่ามาจากสภาพแวดล้อมแบบไหน มีสายพันธุ์อะไรบ้าง อาหารที่ใช้เลี้ยง มีพื้นที่ที่จะเลี้ยงอย่างเหมาะสมหรือไม่ มีเงินทุนสำหรับค่าอาหาร หรือค่ารักษาพยาบาลเมื่อไม่สบายหรือเปล่า และที่สำคัญคือเวลาดูแลของคนเลี้ยง ถ้ามั่นใจก็สามารถเลี้ยงเต่าบกได้

เต่าบก ก่อนเลี้ยงต้องรู้อะไรบ้าง

1. เริ่มเลี้ยงเต่าบกต้องเตรียมตัวอย่างไร

  • จำแนกชนิดเต่าให้ถูก เต่าบก หรือ เต่าน้ำ
  • จำแนกจากชนิดการกินอาหาร
    – กินพืชเป็นหลัก
    – กินทั้งพืชและเนื้อ
    – กินเนื้อ
  • ศึกษาเรื่องสภาพแวดล้อม
    – แสงแดด
    – จุดให้น้ำ
    – เลี้ยงแบบ Indoor หรือ Outdoor
  • ศึกษาเรื่องอาหาร : เป็นวัชพืช ไม่ใช่ผักบุ้ง ถ้าเป็นผักแนะนำผักกวางตุ้ง เพราะมีกรดออกซาลิกต่ำ
  • เข้ากลุ่มคนเลี้ยงเต่า หรือเพจให้ความรู้
  • ทุนทรัพย์

2. อาหารสำหรับเต่าบก และอาหารเสริม

  • 50% อาหารหลักคือหญ้าเป็นหลัก ผสมกับผักใบเขียว เช่น กวางตุ้ง หรือแครอท
  • 50% อาหารเม็ด แต่ถ้าหากแสงแดด UV ถึงก็ไม่จำเป็นจจะต้องมีวิตามิน หรืออาหารเสริม
  • อาหารที่ส่งผลในแง่ลบในระดับแคลเซียม และฟอสฟอรัสในเต่า ได้แก่ ผักสลัด กล้วย มะเขือเทศ องุ่น แตงกวา

3. การเลือกหลอดไฟสำหรับเลี้ยงเต่าบก และการอาบแดดของเต่า แบ่งเป็น 2 ประเภท

  1. UVA ช่วยให้การมองเห็น ให้ความร้อน ความอบอุ่น รู้สึกสบาย เพราะเต่าเป้นสัตว์เลือดเย็น
  2. UVB เต่าจำเป็นต้องใช้ในการเจริญเติบโต สังเคราะห์วิตามิน D3 ช่วยดูดซึมแคลเซียมไปใช้ สร้างกระดอง ป้องกันการเกิดโรคกระดองนิ่ม หรือ MBD Metabolic Bone Disease

(หลอดไฟ UVA, UVB ดีต่อสัตว์ ส่วนหลอด UVC เป็นพิษกับสิ่งมีชีวิต)

4. การดูเพศของเต่าบก

สามารถดูเพศได้ตั้งแต่เต่ามีขนาดตัว 15-20 นิ้ว

  • จุดสังเกตุเพศผู้
    – Scupe ใต้คอจะยาว
    – กลางลำตัวจะเว้า เป็นหลุมลงไป
    – หางจะยาวกว่า
    – Scupe ทางด้านหางจะเป็นตัววี
  • จุดสังเกตุเพศเมีย
    – Scupe ใต้คอจะกุด
    – หางสั้น
    – Scupe ทางด้านหางจะเป็นตัวยู

เต่าบก ถ้าป่วยคนเลี้ยงสามารถสังเกตเองและรักษาได้

อาการเต่าเป็นหวัด

  • มีน้ำมูก
  • ซึม ไม่ขยับตัว
  • ไม่กินอาหาร
  • อ้าปากหายใจ พะงาบๆ
  • น้ำลายเหนียว
  • ยืดคอหายใจ

เต่าถ่ายเหลวเกิดจากอะไร

  • เกิดจากการติดเชื้อในกระเพาะ
  • ความไม่สมดุลของทางเดินอาหาร
  • พยาธิ/โปรโตซัว/แบคทีเรีย/เชื้อรา
  • เกิดจากอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น สารเคมี สิ่งแปลกปลอม
  • ทางเดินอาหารบีบตัวมากกว่าปกติ

การถ่ายพยาธิ และโปรโตซัวของเต่า

  • ควรถ่าย ตั้งแต่ อายุ 4-5 เดือนขึ้นไป
  • ปีละ 2 ครั้ง
  • ไม่ควรถ่ายพยาธิ และโปรโตซัวเต่าด้วยตัวเอง
  1. – ถ่ายพยาธิ มี 2 วิธีผสมกับอาหาร
  2. ใช้ท่อป้อนยาโดยสัตวแพทย์

วิธีรักษาและป้องกันการเกิดฮีทสโตรคของเต่า

ข้อสังเกต

  • เดินไม่หยุด ลุกลี้ลุกลน
  • เห็นฟองน้ำลายที่ปากเยอะ
  • น้ำมูก น้ำตาไหล
  • หอบ อ้าปากพยายามหายใจ
  • หัวส่ายไปมา
  • ขาหลังไม่มีแรง
  • ไม่เคลื่อนไหว
  • ไม่ขับถ่าย
  • ไม่ตอบสนอง

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

  • พามาอยู่ในที่ร่ม
  • ค่อยๆลดอุณหภูมิ โดยใช้การสเปรย์น้ำไปที่ตัวเต่า หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด
  • เพิ่มการไหลเวียนอากาศ โดยไม่โดนตัวเต่าโดยตรง

Tips

– การแช่น้ำเต่าบกเพื่อการขับถ่ายที่ดี หากเป็นไปได้ควรแช่น้ำเต่า ช่วงเช้าๆ ทุกวัน เพื่อให้เต่าขับถ่ายได้ดี หากไม่มีเวลา แนะนำให้เต่าบกแช่น้ำ สัปดาห์ละอย่างน้อย 3 ครั้ง
– การเลี้ยงเต่า Outdoor ให้นำเต่าไปอยู่กลางแจ้ง ในที่แสงแดดอ่อนๆ 48 ชั่วโมง และควรจัดที่ร่มให้น้องไว้ด้วย
– ไม่แนะนำให้เต่าเด็กอยู่ Out Door เพราะ เต่าเด็กติดเชื้อได้ง่าย และเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายจากสัตว์ชนิดอื่น
– การเลี้ยง In Door ให้เปิดไฟ UVB จำนวน 6-8 ชั่วโมงต่อวัน และใช้ UVA เมื่อมีอุณหภูมิห้องต่ำกว่า 29 องศาเซลเซียส
– UVA ช่วยทำให้เต่าแอคทีฟ ช่วยกระตุ้นการกินและช่วยย่อยอาหาร ส่วย UVB ช่วยสังเคราะห์แคลเซียม และช่วยการเจริญเติบโต

เต่าบก

10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเต่า

  1. เต่ามีมานานกว่า 200 ล้านปี ทำให้พวกมันเป็นหนึ่งในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานที่มีอายุยืนที่สุดในโลก
  2. เต่าที่พบในโลกมีมากกว่า 300 สายพันธุ์ มีขนาดตั้งแต่ไม่กี่นิ้วไปจนถึงยาวกว่า 4 ฟุต
  3. พบเต่าได้ในทุกทวีปยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา
  4. เต่าเป็นสัตว์เลือดเย็น ซึ่งหมายความว่าอุณหภูมิของร่างกายจะถูกควบคุมโดยสภาพแวดล้อม
  5. เต่าบางสายพันธุ์สามารถมีอายุยืนยาวกว่า 100 ปี ทำให้เป็นหนึ่งในสัตว์เลื้อยคลานที่มีอายุยืนที่สุดในโลก
  6. เต่าส่วนใหญ่เป็นสัตว์กินพืช หมายความว่าพวกมันกินพืชเท่านั้น อย่างไรก็ตาม บางชนิดเป็นสัตว์กินพืชทุกชนิด หมายความว่าพวกมันจะกินแมลง ปลาตัวเล็ก และสัตว์ขนาดเล็กอื่นๆ ด้วย
  7. เต่าหลายสายพันธุ์กำลังใกล้สูญพันธุ์หรือถูกคุกคามเนื่องจากการสูญเสียที่อยู่อาศัย การรุกล้ำ และกิจกรรมอื่นๆ ของมนุษย์
  8. เต่ามีสายตาที่ดีเยี่ยมและสามารถมองเห็นได้ทั้งในน้ำและบนบก
  9. เต่าบางชนิดสามารถว่ายน้ำได้เร็วถึง 20 ไมล์ต่อชั่วโมง
  10. กระดองเต่าประกอบด้วยกระดูกต่างๆ กว่า 60 ชิ้นที่หลอมรวมกัน รวมทั้งกระดูกสันหลังและกระดูกซี่โครง
เต่า 6 สายพันธุ์ที่คนไทยนิยมเลี้ยง

เต่าซูคาต้า (Sulcata tortoise)

เต่าซูคาต้า หรือที่รู้จักในชื่อเต่าเดือยแอฟริกัน เป็นเต่าสายพันธุ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก โดยมีความยาวถึง 150 ซม. และหนักถึง 91 กก. มีถิ่นกำเนิดในทะเลทรายซาฮาราในแอฟริกา และมีเปลือกสีเหลืองน้ำตาลที่มีลายสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ

เต่าซูคาต้าพวกมันเป็นที่รู้จักจากนิสัยที่เชื่องและอยากรู้อยากเห็น และเต่าซูคาต้ายังสามารถเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีสำหรับผู้ที่มีพื้นที่ให้พวกมันได้ พวกเขาต้องการพื้นที่มากในการเดินเตร่และเล็มหญ้า จึงไม่เหมาะสำหรับการพักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ นอกจากนี้เต่าซูคาต้าพวกมันยังต้องการแสงแดดมาก

เต่ากรีก (Testudo graeca)

เต่ากรีกเป็นเต่าสายพันธุ์ที่มีขนาดกลางที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาเหนือและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ พวกมันมีเปลือกสีน้ำตาลที่มีแถบสีเหลืองและมีขนาดยาวสูงสุดประมาณ 35 ซม.

เต่ากรีกขึ้นชื่อในเรื่องธรรมชาติที่สงบและอ่อนโยน และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นอกจ้านี้เต่ากรีกยังเหมาะกับการใช้ชีวิตในคอกกลางแจ้ง เนื่องจากพวกมันชอบสภาพแวดล้อมที่มีแดดและแห้ง

เต่ารัสเซีย (Agrionemys horsfieldii)

เต่ารัสเซียเป็นเต่าสายพันธุ์ขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่มีถิ่นกำเนิดในทุ่งหญ้าสเตปป์ของรัสเซียและเอเชียกลาง พวกมันมีเปลือกสีน้ำตาลที่มีแต้มสีดำและมีขนาดยาวสูงสุดประมาณ 30 ซม.

เต่ารัสเซียเป็นที่รู้จักจากบุคลิกนิสัยที่กระตือรือร้น พวกมันชอบที่จะอยากรู้อยากเห็น นอกจากนี้พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีได้ สำหรับผู้ที่ต้องการเลี้นงเต่ารัสเซียจะต้องมีพื้นที่รองรับพวกมัน อาหารสำหรับเต่ารัสเซียจะต้อวอุดมด้วยผักใบเขียวและควรมีน้ำดื่มสะอาดให่กับพวกมันไว้ตลอด

เต่าเสือดาว (Geochelone pardalis)

เต่าเสือดาวเป็นเต่าสายพันธุ์ใหญ่ที่มีถิ่นกำเนิดในทุ่งหญ้าสะวันนาของแอฟริกา พวกเขามีสีเหลืองหรือเปลือกสีแทนมีรอยดำคล้ายจุดเสือดาวจึงได้ชื่อเรียก เต่าเสือดาวสามารถโตได้ยาวถึง 75 ซม. และหนักได้ถึง 27 กก.

เต่าเสือดาวเป็นที่รู้จักจากบุคลิกที่เชื่องและสงบ และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีสำหรับผู้ที่มีพื้นที่ว่าง พวกมันเหมาะสมกับการใช้ชีวิตในคอกกลางแจ้ง เนื่องจากพวกมันชอบสภาพแวดล้อมที่มีแดดและแห้ง

เต่าดาวอินเดีย (Geochelone elegans)

เต่าดาวอินเดียเป็นเต่าขนาดกลางสายพันธุ์พื้นเมืองในอินเดียและศรีลังกา พวกมันมีเปลือกสีเหลืองหรือสีแทนที่มีเครื่องหมายรูปดาวสีดำ ดังนั้นชื่อของมัน เต่าดาวอินเดียสามารถโตได้ยาวถึง 50 ซม. และหนักได้ถึง 15 กก.

เต่าดาวอินเดียเป็นที่รู้จักจากบุคลิกสงบและอ่อนโยน และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พวกมันเหมาะสมกับการใช้ชีวิตในคอกกลางแจ้ง เนื่องจากพวกมันชอบสภาพแวดล้อมที่มีแดดและแห้ง

เต่าเรดฟุต (Chelonoidis carbonarius)

เต่าเท้าแดง หรือ เต่าเรดฟุต เป็นเต่าขนาดกลางสายพันธุ์พื้นเมืองในอเมริกาใต้ พวกมันมีเปลือกสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำที่มีแต้มสีแดงหรือสีส้มที่ขาและหัว ดังนั้นชื่อของมัน เต่าเท้าแดงสามารถโตได้ยาวถึง 50 ซม. และหนักได้ถึง 15 กก.

เต่าเท้าแดงเป็นที่รู้จักจากบุคลิกที่กระตือรือร้นและอยากรู้อยากเห็น และพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีสำหรับผู้ที่มีพื้นที่เพียงพอ พวกมันเหมาะสมกับการใช้ชีวิตในคอกกลางแจ้ง เนื่องจากพวกมันชอบสภาพแวดล้อมที่มีแดดและชื้น

เต่าเท้าแดงเป็นสัตว์กินพืชทุกชนิดและต้องการอาหารที่มีผลไม้ ผัก และแหล่งโปรตีนที่หลากหลาย เช่น แมลง และเนื้อไม่ติดมันในปริมาณเล็กน้อย พวกเขายังต้องการน้ำดื่มสะอาดตลอดเวลา

โดยสรุปแล้ว มีเต่าสายพันธุ์ดีๆ มากมายให้เลือกเป็นสัตว์เลี้ยง และแต่ละสายพันธุ์ก็มีลักษณะเฉพาะและความต้องการในการดูแลที่แตกต่างกันไป ล้วนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สำหรับคนที่อยากเริ่มเลี้ยง เนื่องจากพวกมันมักมีการบำรุงรักษาต่ำและมีธรรมชาติที่เงียบสงบ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าสายพันธุ์ใดเหมาะสมที่สุดสำหรับบ้านและไลฟ์สไตล์ของคุณก่อนตัดสินใจ

ที่มา

https://glurgang.com/turtles/

https://www.baanlaesuan.com/235213/pets/breeds/tortoise

https://www.istockphoto.com/th/

https://www.istockphoto.com/th/176063322-10496167

 

ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงได้ที่  cornerstoneumcwat.com